พื้นที่ที่ต้องการเทคอนกรีต = จำนวนตารางเมตร ที่ลูกค้าต้องการเท

ปัจจัยในการคำนวน มีความหนา ความกว้าง ความยาว

ตัวอย่างการคำนวน หาจำนวนคิว

Ex. (1 คิวเทได้กี่ตารางเมตร)  มีพื้นที่ 10ตารางเมตร เทพื้นทางเดินหน้าบ้าน ความหนา 0.10 เมตร จะใช้คอนกรีตผสมเสร็จ = จำนวน 1 คิว 

**สมมุติว่าคุณจะเททางเดิน กว้าง 1.00 เมตร  ยาว 10.00 เมตร เทความหนาที่ 0.10เมตร(หรือ 10เซนติเมตร)  

= จะต้องสั่งคอนกรีตผสมเสร็จ จำนวน 1 คิว กับผู้จำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ

วิธีคำนวน   ความกว้าง  x  ความยาว  x  ความหนา  = คือ จำนวนคอนกรีตที่จะต้องใช้ 

1.00 x 10.00 = 10.00 ตารางเมตร

10.00 x 0.10 = 1 คิวบิกเมตร (คือจำนวนคิวคอนกรีตผสมเสร็จ)


*ปัจจัยที่อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นจากการทำงาน การคำนวน 

การปรับแบบหล่อเทคอนกรีตเพื่อป้องกันการผิดพลาดจากการสั่งคอนกรีต จะต้องปรับเตรียมพื้นที่ให้ได้ความหนาไม่มากกว่า 0.10 เมตร(หรือ 10เซนติเมตร) เพื่อป้องกันไม่ให้ จำนวนปูนขาดจากจำนวนที่สั่งมา 


ขั้นตอนการเทคอนกรีต Finishing

การเทคอนกรีต finishing คือการเทคอนกรีตและปรับพื้นผิวให้เรียบเสมอกัน โดยมีขั้นตอนสำคัญคือ การเตรียมพื้นที่ให้พร้อม การเทคอนกรีตอย่างต่อเนื่อง การปรับระดับพื้นผิวให้เรียบ การบ่มคอนกรีต และการเคลือบผิวเพื่อป้องกัน 

1. เตรียมพื้นที่

ปรับระดับดินและบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันการทรุดตัว 

ติดตั้งเหล็กเสริมและแบบหล่อให้แข็งแรงและได้แนวที่ต้องการ 

ทำความสะอาดพื้นผิวเดิมให้เรียบร้อย และทำให้ผิวมีความหยาบเพื่อการยึดเกาะ 

ฉีดน้ำหรือน้ำยาเชื่อมประสานคอนกรีต (ถ้าจำเป็น) เพื่อป้องกันคอนกรีตเดิมดูดน้ำจากคอนกรีตใหม่ 

2. เทคอนกรีต

ผสมคอนกรีตตามอัตราส่วนที่ถูกต้อง 

เทคอนกรีตอย่างต่อเนื่องจนเต็มพื้นที่ เพื่อป้องกันรอยต่อเย็น (Cold Joint) 

ใช้แผ่นไม้ตรงหรือเกรียงปรับระดับคอนกรีตให้ได้ระดับที่ต้องการ 

ใช้เครื่องมือช่วย เช่น เครื่องสั่นคอนกรีต เพื่อไล่ฟองอากาศและทำให้เนื้อคอนกรีตอัดแน่น 

3. ปรับแต่งพื้นผิว

เมื่อคอนกรีตเริ่มเซ็ตตัว (ผิวหน้าไม่มีน้ำขังหรือความเงาแล้ว) ให้ใช้เกรียงเหล็กปรับผิวหน้าให้เรียบเสมอกัน

ใช้พลั่วตบผิวคอนกรีตเพื่อช่วยให้พื้นผิวเรียบและลดฟองอากาศ 

4. บ่มคอนกรีต หลังจากการปรับระดับพื้นผิวแล้ว ให้รักษาความชื้นไว้ในคอนกรีต อาจทำได้โดยการฉีดน้ำให้ชุ่ม, คลุมด้วยพลาสติก, หรือใช้สารเคมีบ่มคอนกรีต 

การบ่มอย่างน้อยๆ 7 วันจะช่วยให้คอนกรีตแข็งแรง ในระดับหนึ่ง สามารถเปิดใช้งานได้ แต่หากต้องการความแข็งแรงเต็มกำลัง ควรบ่มอย่างน้อย 28 วัน

5. เคลือบผิว (Sealing)

หลังจากคอนกรีตแห้งสนิท (ประมาณ 28 วัน) ควรเคลือบผิวด้วยน้ำยาเคลือบเพื่อป้องกันคราบสกปรกและยืดอายุการใช้งาน 


คำแนะนำเพิ่มเติมในการเทคอนกรีต

1.การเทคอนกรีตในแบบหล่อที่เป็นทรายรองพื้น ให้รองพื้นทรายความ หนา 0.05 เมตร(หรือตามที่ผู้ออกแบบกำหนด) และรดน้ำให้ชุม (ไม่เปี้ยกแฉะเหลวน้ำขัง)  

2.เมื่อรถขนคอนกรีตผสมเสร็จ มาถึงหน้างาน ให้ตรวจสอบเวลาโหลด จำนวนที่โหลด และคำนวนเวลาจากจุดโหลดมาถึงหน้างานและเทคอนกรีตลงบล็อกที่เทรวมเวลา ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ตรวจสอบแพล้นคอนกรีตมีการผสมน้ำยาหน่วงคอนกรีตมาด้วยหรือไม่

3.การปล่อยอัตราไหลคอนกรีต ไม่ควรปล่อยคอนกรีตลงตรงๆ อย่างรวดเร็ว 2.1 เพราะจะทำให้คอนกรีตเมื่อตกกระทบพื้น จะทำให้คอนกรีตแยกชั้นส่วนผสมแตกออกจากกัน  2.2 เพราะจะทำให้คอนกรีตพุ่งลงไปแทนที่ทรายรองพื้น เกิดการดันพื้นทรายขึ้นมา ทำให้ความหนาของคอนกรีตบริเวรนั้นหนาขึ้น ทำให้จำนวนคอนกรีต Error ควรให้ปล่อยคอนกรีตให้เหมาะสม ทั้งความสูงและอัตราการปล่อย โดยกระจายออกให้สม่ำเสมอ ทั่วแบบหล่อ 

4.เมื่อเทคอนกรีตลงในแบบหล่อ ควรใช้เหล็กวายจี้คอนกรีต หรือใช้เหล็กกระทุ้งให้คอนกรีตไล่ฟองอากาศออกมาให้มากที่สุด เพื่อความแข็งแรงของคอนกรีต

5.การปรับแต่งผิวคอนกรีตให้มีความแข็งแรง จะต้องทำการปาดไล่น้ำ หน้าผิวคอนกรีตส่วนเกินออกให้หมด ไม่ให้เกิดบ่อน้ำเล็กๆบนผิวคอนกรีตระหว่างการเซ็ตตัว เพื่อไม่ให้เกิดการแยกชั้นของคอนกรีตผิวหน้า และเนื้อคอนกรีต และให้ทำการขัดแต่งผิวหน้าคอนกรีต ปั่นผิวหน้าคอนกรีตให้สวยงาม

6.ควรบ่ม ห่อ ฉีด ขังน้ำ หลังคอนกรีตเซ็ตตัวให้ได้นานตามมาตราฐานคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ 28 วันเป็นอย่างน้อย หรือ หากต้องการเปิดใช้คอนกรีตในเวลาอันสั้น ควรเพิ่ม ค่า strength คอนกรีตเพิ่มให้มากขึ้น ควรปรึกษาผู้ออกแบบ หรือผู้ควบคุมงาน